วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

Preview : Dota 2 Heroes ตอนที่ 3


     สวัสดีครับ ผ่านไปครึ่งทางแล้วกับ Hero สาย Intelligence ใน Dota 2 วันนี้เราจะไปดูกันต่ออีก 6 ตัวนะครับ จะเป็นตัวใดบ้าง และหน้าตาจะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด ตามไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ


Witch Doctor
Str: 16 + 1.80
Agi: 13 + 1.40
Int: 24 + 2.90

     จาก Troll จมูกแหลม มาในภาค 2 นี้ดั้งยุบแฮะ Witch Doctor เป็น Hero ที่ตัวบาง แต่ก็แลกมาด้วยความอันตรายของสกิลต่างๆ ที่ต้องบอกว่า โหดและครบเครื่อง มีทั้งสกิลที่เป็น Damage สกิล Stun สกิล Heal แถมในการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ผ่านมาก็เรียกว่าเป็น Hero ยอดฮิตที่ถ้าไม่โดนแบนไปก่อนก็จะได้เห็นกันหลายเกมเลยทีเดียว
Paralyzing Cask - สกิลเปิดเกมที่ถือว่าเด็ดมาก ด้วยความสามารถของสกิลที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามติด Stun ได้ และหากมียูนิตฝ่ายตรงข้ามอยู่บริเวณนั้นหลายตัว ก็จะมีโอกาสติดสถานะ Stun กันแบบต่อเนื่อง เหมาะที่จะใช้เป็นสกิลก่อกวนฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี ในกรณีที่มากันเป็นกลุ่ม
Voodoo Restoration - สกิลฟื้นฟูพลังชีวิต ทำให้ไม่ต้องกลับไปเติมพลังชีวิตที่บ่อน้ำบ่อยๆ
Maledict - สกิลคำสาปที่ถือว่าโกงมากๆ ของ Witch Doctor เพราะเป้าหมายที่ถูกสาปจะถูกทำให้พลังชีวิตลดลงเรื่อยๆ ยิ่งพลังชีวิตน้อยลงเท่าไหร่ พลังชีวิตที่จะถูกลดลงครั้งต่อไปก็มากยิ่งขึ้น นั้นหมายความว่าหากโดนไล่ตามโจมตีไปเรื่อยๆ โอกาสรอดก็ยิ่งน้อยลง
Death Ward - สกิลไม้ตายก้นหีบที่ใช้ค่อนข้างยากนิดหน่อย หน้าที่ของสกิลนี้คือ สร้าง Ward ขึ้นมาเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามแบบสุ่มเป้าหมายที่อยู่ใกล้ โดยตัว Ward จะไม่สามารถถูกทำลายได้ ตราบใดที่ตัว Witch Doctor ยังไม่ตาย หรือเคลื่อนที่

Enigma
Str: 17 + 2.10
Agi: 14 + 1.00
Int: 20 + 3.40

     เจ้าของฉายามหาเวทย์ดูดดาวเวอร์ชั่น Dota ที่มาภาค 2 หน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลย ด้วย Ultimate ของมันซึ่งจะดูดรวมทุกอย่างเข้าไปใน Black Hole ทำให้เป้าหมายรอบข้างจะถูกหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว Hero ตัวนี้ถือเป็นกำลังสำคัญของทีมอย่างมาก เพราะถ้ากด Ultimate ได้ถูกจังหวะ ฝ่ายตรงข้ามจะถูกตรึงให้ไม่สามารถทำอะไรได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
Malefice - ทำดาเมจและทำให้เป้าหมายติด Stun ทุกๆ 2 วินาที เหมาะอย่างยิ่งในการใช้สกัดเกมจากตัวเปิด หรือใช้ไล่ฆ่าฝ่ายตรงข้าม แถมสกิลนี้มีผลนานมาก ซึ่งก็เพียงพอในการที่จะฆ่าฮีโร่ซัก 1-2 ตัว
Conversion - สกิลฟาร์มสุดเจ๋งซึ่งช่วยให้ช่วงแรกๆ นั้นเราสามารถเข้าไปฟาร์มในป่าได้แบบสบาย ๆ เพราะเมื่อเรากดใช้สกิลนี้กับครีปป่าที่ไม่ใช่ Ancient แล้วละก็ ครีปตัวนั้นก็จะตายและกลายเป็นเงินให้เราทันที อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการดันป้อมให้สูงขึ้นอีกด้วย
Midnight Pulse - ลดเลือดอีกฝั่งแบบหน้าด้านๆ แถมระยะเวลาก็นานซะด้วยสิ ซึ่งถ้าเราใช้คอมโบกับสกิล Ultimate เราดีๆ แล้วละก็ เท่ากับว่าเราจะสามารถลดเลือดฝั่งตรงข้ามได้อย่างมาก
Black Hole - สกิล Disable สุดแสบที่สามารถใช้คอมโบกับฮีโร่ได้สารพัด ซึ่งในจังหวะใช้นั้นเราจำเป็นที่จะต้องกดให้โดนฮีโร่ฝั่งตรงข้ามทุกตัว เพื่อให้เกิดประโยชน์ของสกิลสูงสุด ซึ่งถ้าเราใช้สกิลนี้เปิดเกมดีๆ แล้วละก็ อีกฝั่งก็สามารถที่จะตายได้ด้วยการโจมตีเพียงคอมโบชุดเดียวเลยล่ะ



Crystal Maiden
Str: 16 + 1.70
Agi: 16 + 1.60
Int: 21 + 2.90


     ถ้าถามว่าฮีโร่อะไรเป็นฮีโร่คู่ขาคู่ขวัญที่ผู้เล่นต่างชื่นชอบมากที่สุดเวลาอยู่ในไลน์เดียวกันนั้น เชื่อว่าหลายๆ คนคงมี Crystal Maiden เป็น 1 ในคำตอบแน่นอน แถมในภาค 2 ยังไปเสริมสวยมาด้วย Crystal Maiden ถูกออกแบบมาให้เป็นนักล่าที่มีสกิลกดดันคู่ต่อสู้ได้อย่างน่ากลัวมากๆ ด้วยสกิล Frostbite ทักษะเบสิคสุดแสนวิเศษ ที่ใช้พลังความเย็น จับคู่ต่อสู้เป็นเป้านิ่ง แถมท้ายด้วยสกิล Brilliance Aura ทักษะประเภทออร่าที่ช่วยรีเจนท์มานาให้กับทีมของคุณได้อย่างเร็ว และสกิลอัลติเมทสุดแรงที่ส่งผลการทำลายล้างเป็นแบบ AOE และยังส่งผลให้เป้าหมายศัตรูทั้งหมดในระยะนั้นนอกจากจะได้รับดาเมจแล้ว ยังได้รับผลติดสเตตัส ลดความเร็วในการเคลื่อนที่อีกเป็นเวลาถึง 4 วินาที จึงไม่แปลกที่เราเห็นเจ้าฮีโร่ตัวนี้นั้นโดนแบนในงานแข่งสำคัญๆ บ่อยๆ แต่ถ้าหลุดมาก็โดนเลือกแทบตลอดเลยเหมือนกันนะ
Crystal Nova - สกิลโจมตีที่ถือว่าแรงที่สุดของ Crystal Maiden แต่ประโยชน์จริงๆ แล้วกลับไม่ใช่ Damage จากสกิล แต่เป็นผลของ Slow ที่จะมีประโยชน์มากๆ ทั้งในจังหวะไล่ฆ่า หรือแม้แต่จังหวะหนี แถมเป็น AoE อีกด้วย
Frostbite - สกิล Disable สุดแสบของที่สามารถแช่แข็งเป้าหมายให้กลายเป็นง่อย แล้วโดนสอยฟรีๆ เหมาะมากๆ ที่จะใช้เป็นสกิลเปิดในจังหวะปะทะ
Brilliance Aura - สกิลซัพพอร์ทีมที่ดีที่สุดในเกมอีกสกิลหนึ่ง เพราะสกิลนี้จะเป็น Aura แบบ All Map ดังนั้นเพื่อนๆ ในทีมเราจะได้ประโยชน์ทุกคน และโดยเฉพาะในช่วงต้นเกม หากในทีมมี Maiden ที่อัพสกิลนี้นำเป็นสกิลแรก จะทำให้การใช้สกิลกดดันฝั่งตรงข้ามและไล่ฆ่าได้ง่ายดายขึ้นเป็นอย่างมาก
Freezing Field - สกิล Ultimate สุดแรง แถมยังกินระยะกว้างเอามากๆ ซึ่งสามารถใช้คอมโบได้ดีกับฮีโร่ที่มีความสามารถเป็น Disable แบบ AoE อย่างเช่น Tide Hunter หรือ Enigma แต่ในจังหวะการใช้อาจจะต้องเอาตัวเข้าแลกสักหน่อย เพราะเราจำเป็นที่จะต้องไปยืนอยู่ตรงกลางวงต่อสู้ เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามโดนทุกตัว


Leshrac
Str: 16 + 1.50
Agi: 23 + 1.70
Int: 26 + 3.00


     กวางหน้าไหม้ ที่ภาค 2 หน้าตาไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่ อีกหนึ่ง Hero จอมไถป้อมและตัวทำดาเมจแบบ AoE สุดโหด ด้วยความสามารถในหลายๆ รูปแบบไม่ว่าจะทำดาเมจ สตั้น หรือแม้แต่การดัน Creep แถมรูปแบบการเล่นก็ไม่ยากด้วย
Split Earth - สกิลแยกพื้นดินที่มีผลในการสร้างความเสียหายและติดอาการสตัน รูปแบบการใช้จะเป็นการวางสกิลลงพื้น และโดนเป้าหมายได้หลายคน แต่ก็มีระยะเวลาในการร่าย จึงอาจทำให้เป้าหมายวิ่งหนีได้เสียก่อน ซึ่งการจะใช้สกิลนี้ให้ได้ผลดีที่สุด อาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์การใช้งาน หรือที่เรียกกันว่าชั่วโมงบินนั่นเอง
Diabolic Edict - สกิลระเบิดอันนี้มีผลรอบๆ ตัว ด้วยความสามารถของสกิลนี้นี่เอง ทำให้ Tormented Soul ได้ฉายาจากหลายๆ คนว่า ม้าระเบิดป้อม เพราะสกิลนี้ใช้ทำลาย Tower ได้อย่างรวดเร็วมาก ซึ่งความสามารถที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่แค่ว่าระเบิดป้อมได้อย่างเดียว ยังใช้ฆ่าคนได้อีกด้วย โดยรูปแบบการใช้งานก็คือ เปิดด้วยสกิล Split Earth เพื่อให้เป้าหมายติด Stun เสียก่อน จากนั้นก็กดใช้สกิลนี้เพื่อวิ่งไล่ฆ่าได้เลย ถึงสกิลนี้จะไม่แรงเท่า Pulse Nova แต่ก็ประหยัด MP ช่วงแรกๆ ได้ไม่น้อยเลยล่ะ
Lightning Storm - สกิลสายฟ้าอันนี้จะเกิดผลไปยังเป้าหมายที่อยู่ใกล้ๆ ตัว และจะไม่เหมือนการชิ่งของหลายๆ สกิล เพราะความแรงจะไม่ตก ดังนั้นผู้เล่นสามารถกดใช้สกิลนี้ใส่ครีปของฝ่ายตรงข้าม เพื่อหวังผลให้สายฟ้าไปถึงฮีโร่เป้าหมายได้เลย ในช่วงแรกๆ ผู้เล่นสามารถใช้สกิลนี้ควบคู่กับ Split Earth ในการกำจัดเป้าหมายจากระยะไกลได้ไม่ยาก ซึ่งถ้าใครที่ยังใช้สกิลสตันไม่แม่น ก็เน้นใช้สกิลนี้เพื่อกดเป้าหมายไปก่อนจะคุ้มค่าที่สุด แถมยังไม่มีพลาดอีกด้วย
Pulse Nova - สกิลคลื่นพลังอันนี้ มีแรงโจมตีสูงมากแถมไม่มีค่า Cooldown หรือระยะเวลาการใช้สกิลอีกด้วย เนื่องจากสกิลนี้จะลดค่า MP ของผู้ใช้ต่อวินาที ที่มีผลของสกิลอยู่ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของสกิลนี้ก็คือค่า MP นั่นเอง


Nature's Prophet
Str: 19 + 1.80
Agi: 18 + 1.90
Int: 21 + 2.90


     หน้าตาเปลี่ยนไปเยอะเลยทีเดียวสำหรับ Prophet ในภาค 2 นี้ Prophet เป็นอีก 1 Hero ยอดนิยมในการแข่งขันในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ ๆ ที่เราจะพบได้บ่อยๆ ด้วยความสามารถที่คอยสร้างความปั่นป่วนให้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมหาศาล ทั้งเทคนิคการวาป และเสก Creep จากต้นไม้ แถมมีท่าขังลืมและทีเด็ดที่ Ultimate อีกด้วย
Sprout - สกิลจับล๊อคที่ถือว่าล๊อคได้นานสุดๆ เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ล๊อคฮีโร่ที่โจมตีประชิดหรือเน้นการโจมตีแบบ Physic และไม่มีสกิลกระโดดหรือ Blink
Teleportation - วาปไปจุดไหนก็ได้ของแผนที่ ยกเว้นจุดที่มี Fog ซึ่งถ้าเรามี Ward ปักอยู่หรือปลูกต้นไม้ไว้เยอะๆ ก็จะเป็นประโยชน์มากๆ 
Force of Nature - เพิ่มความสามารถในการดันและการตีป้อมอีกทั้งยังใช้เปิด Fog และยังสามารถนำต้นไม้เหล่านี้ไปแทนที่ Observer Ward ได้ หรือจะเอาไปใช้ฟาร์มในป่าก็ได้ผลดีมากๆ อีกด้วย
Wrath of Nature - ชิ่งยูนิตฝั่งตรงข้ามทุกชนิดในแผนที่ ยิ่งชิ่งเยอะ ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมาะสมมาก ในการใช้ในจังหวะบวกหรือ All เพราะเผลอๆ ยิงเล่นๆ ไปแล้วเราอาจจะได้ Last Shot แบบไม่รู้ตัวก็ได้


Enchantress
Str: 16 + 1.00
Agi: 19 + 1.80
Int: 16 + 2.80


     น้องกวางสายหรอยที่ภาค 2 สวยขึ้นเยอะ อีกหนึ่งฮีโร่สุดแสบที่ฮีโร่ตระกูล P.Atk เจอเป็นต้องปวดหัว ด้วยความสามารถในการ Slow ที่สูงมากๆ แถมเวลาไปโจมตีโดนตัว Enchantress นั้นก็จะทำให้ยูนิตที่โจมตีอยู่โจมตีช้าลงด้วย แถมยังฮีลตัวเองได้อีก เรียกได้ว่าหากจะฆ่า Enchantress ละก็ คงต้องละเลงสกิลกันหนักหน่อยละครับ ไม่เพียงแค่ความอึดที่ชวนปวดหัว ตัว Enchantress เองก็ถือเป็นฮีโร่ที่มีดาเมจสูงมากๆ เช่นกัน ยิ่งปล่อยให้ยิงไกลเท่าไหร่ ดาเมจที่ได้รับก็ยิ่งแรงเท่านั้น จะเดินเข้าไปใกล้ก็ Slow จะเดินหนีก็ Slow อีก เรียกได้ว่า Enchantress นั้นเป็นอีกหนึ่งฮีโร่เจ้าปัญหาเลยล่ะ
Untouchable - ด้วยความแสบของสกิลที่ส่งผลให้เมื่อไม่ว่าใครก็ตามมาโจมตีเรา จะทำให้ตัวเค้าเองติด Slow จึงทำให้ Enchantress นั้นไม่กลายเป็นเป้าหมายแรกๆ ในการปะทะ เพราะยิ่งอีกฝ่ายโจมตีมาเท่าไหร่ก็จะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถช่วยให้เรารับบทเป็นตัวล่อมือล่อเท้าได้เป็นอย่างดี
Enchant - ด้วยความสามารถในการทำให้ยูนิทครีปเป้าหมายมาเป็นฝั่งเรา จึงทำให้ Enchantress นั้นสามารถเข้าไปฟาร์มในป่าตั้งแต่เลเวล 1 ได้ และในจังหวะปะทะ เราก็ยังสามารถที่จะเลือก Slow ยูนิตฮีโร่เป้าหมายเพื่อใช้ในการไล่ฆ่าได้เป็นอย่างดี และยิ่งถ้าเราเจอพวกฮีโร่ที่แยกร่างได้แสบๆ เราก็สามารถที่จะจับร่างแยกเหล่านั้นมาใช้เองได้อีกด้วย
Nature's Attendants - สกิลครอบจักวาล ที่จะทำให้เราได้เปรียบมากๆ ในจังหวะปะทะ เพราะที่เลเวล 4 นั้นเราจะสามารถฮีลตัวเองและเพื่อนๆ ได้แรงสุดๆ จึงทำให้เราสามารถที่จะเป็นตัวชนในจังหวะปะทะได้เป็นอย่างดีอีกทั้งสกิลนี้เพื่อนๆ ในทีมยังได้รับผลของสกิลอีกด้วย จึงจัดได้ว่า Nature's Attendants นั้นเราควรจะอัพให้เต็มเป็นสกิลต้นๆ เลยล่ะ
Impetus - ยิ่งไกลยิ่งแรง กับสกิล Impetus ที่เพียงแค่ช่วงเลเวลแรกๆ เราก็สามารถฆ่าอีกฝั่งได้สบายๆ ซึ่งเมื่อใช้คู่กับสกิล Enchant แล้วเราก็จะสามารถ Slow และไล่ยิงฝั่งตรงข้ามได้ฟรีๆ จนตาย
 
     ก็ผ่านไปอีก 6 ตัวนะครับ ส่วนตอนหน้าจะเป็น 5 ตัวสุดท้ายของสาย Intelligence กันแล้วล่ะครับ พบกับ Zatoshi ได้ในตอนจบของ Hero สาย Intelligence ในตอนต่อไปนะครับ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น